การเรียนตัวอักษรภาษาญี่ปุ่นนั้น ก่อนอื่นมักจะเริ่มจำตัว "ฮิรากานะ"ก่อนเป็นอันดับแรก ฮิรากานะทั้งหมดมี 50ตัว และมีตัว " ゛ " เรียกว่า ดะคุเตง(เครื่องหมายใช้เติมบนฮิรางานะหรือคาตะคานะ เพื่อเปลี่ยนให้เป็นเสียงขุ่น) และ " ゜ " เรียกว่า ฮันดาคุเตง (เครื่องหมายแสดงเสียงกึ่งขุ่น) ออกเสียงเดียวกับฮิรากานะแต่ออกเสียงต่างกัน เรียกว่า "คาตากะนะ" คาตากะนะนั้น ใช้ในตอนที่เขียนชื่อชาวต่างชาติและคำที่มาจากภาษาต่างประเทศ อย่างเช่น ชื่อคนไทย แทนที่คนญี่ปุ่นจะเขียนเป็นฮิรากานะว่า 「とぅくたー」 จะเขียนเป็นฮิรากานะว่า 「トゥクター」มากกว่าเพราะคนญี่ปุ่นรู้สึกว่าเป็นธรรมชาติมากกว่า
ฮิรากานะและคาตากานะ นั้นเหมือนพยัญชนะภาษาไทย ข เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตาม เพียงแค่นี้ไม่สามารถทำประโยคภาษาญี่ปุ่นให้สมบูรณ์ได้ คันจิก็เป็นสิ่งที่ต้องจำด้วย
ไม่จำเป็นต้องจำคันจิเยอะๆ คนญี่ปุ่นต้องเรียนตัวคันจิ1006ตัวเป็นเวลา 6ปี ตั้งแต่ชั้นประถมปีหนึ่ง พอมัธยมต้นถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกเป็นเวลา6ปีต้องเรียนคันจิ939ตัว กล่าวคือ ก่อนจบการศึกษาชั้นมัธยมตอนปลายต้องเรียนคันจิ 1945 ตัว คันจิพวกนี้เรียกว่า "คันโยคันจิ" เป็นคันจิที่ใช้ในชีวิตประจำวัน อย่างเช่น เป็นการเขียนคันจิเฉพาะในหนังสือพิมพ์ ถ้าจำคันจิได้1945ตัว ตอนอ่านประโยคภาษาญี่ปุ่นก็จะราบรื่นมากขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม การอ่านคันจิมีทั้ง "องโยหมิ" และ "คุงโยหมิ" องโยหมิคือการอ่านเสียงจีนที่ญี่ปุ่นรับตัวคันจิมาจากประเทศจีน หากเป็นชาวจีนก็จะเข้าใจในทันที ส่วนคุงโยหมินั้นแม้แต่คนจีนหากไม่เรียนคุงโยมิใหม่นั้น ก็ไม่สามารถอ่านได้เพราะมีการอ่านที่เป็นแบบเฉพาะที่คนญี่ปุ่นใช้ ยกตัวอย่างเช่น คำว่า "文" องโยหมิอ่านว่า "บุง" ตัวนี้หากเป็นภาษาจีนก็เหมือนกัน แต่ถ้าหากเป็นการอ่านแบบคุงโยหมิแล้ว จะมีการอ่านที่หลากหลายเช่น "อายะ" "มง" "ฟุมิ" เป็นต้น เนื่องจากมีการอ่านคุงโยมิในคันจิของญี่ปุ่น ในการจำคันจิอย่างถูกต้องแม่นยำ 1945 ตัว ราวหมื่นตัว จึงไม่สามารถจำทั้งหมดได้
เนื่องจากต้องจำวิธีอ่านถึง 1945ตัว คนต่างชาติที่เรียนภาษาญี่ปุ่นส่วนใหญ่จึงรู้สึกว่า "ภาษาญี่ปุ่นยาก" ชาวญี่ปุ่นเมื่อเข้าโรงเรียนประถม 7ขวบ ก็จะเรียนคันจิทุกๆวันทีละน้อยๆ การสอนของคุณครูที่โรงเรียน ก็จะให้เด็กจำคันจิและเขียนลงในสมุดโน๊ตหลายๆครั้งซ้ำไปซ้ำมา แต่ถึงเป็นเช่นนั้น คนที่สามารถจำคันจิทั้งหมด 1945ตัวได้ มีเพียงน้อยนิด
การจำคันจินั้น หากจำโดยการเขียนซ้ำหลายครั้งโดยไม่ต้องคิดอะไร เพราะสมองของเด็กยังอ่อนนุ่ม จึงความสามารถในการจำจึงดีเยี่ยม แต่ชาวต่างชาติหลังจากที่เป็นนักศึกษาหรือนักเรียนมัธยมปลายแล้วการจำคันจิจึงเป็นเรื่องยาก ดังนั้น เคล็ดลับในการทำให้มันติดตัว จึงควรจำและคิดถึงโครงสร้างและความหมายของคันจิไปด้วย
วิธีจำคันจิ2--คันจิคือแผนภาพ ก่อนอื่นมาจำความหมายกันเถอะ
Tweet